ผู้ช่วย ผอ.เขื่อนวชิราลงกรณ คาดปรากฏการณ์น้ำเปลี่ยนสี จะกลับคืนเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 7 วัน
ไปติดตามความคืบหน้า กรณีเกิดปรากฎการณ์น้ำเปลี่ยนสีในเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี ส่งผลให้ชาวบ้านเกิดความกังวลเรื่องน้ำเน่าเสียจนไม่สามารถนำไปใช้อุปโภค-บริโภคได้ ล่าสุด (1 ก.พ.666) นายธนภัทร ฉัตรสุวรรณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ 1 พร้อม ผู้ปฏิบัติงานเขื่อนวชิราลงกรณ เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบปรากฏการณ์น้ำในเขื่อนฯ ที่เกิดการเปลี่ยนสีอีกครั้งหนึ่ง จากการตรวจสอบพบว่าน้ำในอ่างเก็บน้ำมีสภาพใสขึ้น จากเดิมมีความขุ่นมัวตั้งแต่บริเวณสันเขื่อนไปประมาณ 6-7 กิโลเมตร
โดย นายธนภัทร กล่าวว่า หลายฝ่ายกังวลว่าปรากฏการณ์น้ำขุ่นมัวอาจส่งผลกระทบต่อการนำน้ำไปอุปโภค-บริโภค ขอยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบตามที่เกิดความกังวลแต่อย่างใด ส่วนผู้ประกอบการเลี้ยงปลากระชังที่อยู่ทั้งเหนือเขื่อนและใต้เขื่อนวชิราลงกรณ ว่า ผู้เลี้ยงปลากระชังมีประสบการณ์จากปี 2564 ซึ่งได้รับการยืนยันว่ามีการเตรียมความพร้อมรับมือเอาไว้แล้ว เช่น เตรียมเครื่องเพิ่มออกซิเจน เตรียมแผนการโยกย้ายกระชังไปยังตำแหน่งที่ไม่เกิดปัญหา หรือการจัดกระชังให้โล่งเพื่อให้เกิดการถ่ายเทของน้ำและออกซิเจนได้ดียิ่งขึ้น เป็นต้น ส่วนเรื่องการบริโภคหรือจับปลาไปขาย ยังสามารถขายได้ตามปกติโดยไม่เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
สำหรับผลกระทบของประชาชนด้านท้ายน้ำ กฟผ.เขื่อนวชิราลงกรณ ได้ประสานไปยังกลุ่มผู้เลี้ยงปลากระชังแล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบกับการเลี้ยงปลาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามน้ำที่ขุ่มมัวอาจมีผลกระทบกับการผลิตน้ำประปา ซึ่งต้องเฝ้าระวังมาตรฐานการผลิตน้ำประปาอย่างใกล้ชิด พร้อมคาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 7 วัน แต่ต้องขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเขื่อนวชิราลงกรณ จะติดตามปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งข้อมูลให้ประชาชนรับทราบต่อไป