“ศรีสุวรรณ”จี้เอาผิดเจ้าอาวาสสั่งถอนต้นโพธิ์พระราชทาน

“ศรีสุวรรณ” บุกร้อง ป.ป.ช.สอบเจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ ทุบทำลายกุฏิ – ถอนต้นศรีมหาโพธิ์ของในหลวง

วันนี้ (27ม.ค.66) มีนายงานว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัย กรณีเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ สั่งทุบทำลายกุฏิพระสงฆ์รวม 11 กุฏิ และสั่งให้ถอนต้นศรีมหาโพธิ์ที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระราชทานมาให้ปลูกในวัด ทำให้พระเณรเดือดร้อนไม่มีที่จำพรรษา รวมทั้งญาติโยมที่นำอัฐิมาไว้ในกุฎิไม่ทันรู้เรื่อง ทำให้อัฐิสูญหาย ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมาย

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การรื้อถอดดังกล่าว สืบเนื่องจากเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ พระอารามหลวง อ้างว่าได้ร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐบางหน่วยงาน จัดทำโครงการ 5 ส. เพื่อปรับปรุงสถานที่เขตกัมมัฏฐานบริเวณหลังวัด ซึ่งมีกุฏิที่พักอาศัยของพระสงฆ์กว่า 70 หลัง โดยเมื่อวันที่ 5 ส.ค.2565 เจ้าอาวาสได้สั่งการให้นำเครื่องจักรขนาดใหญ่และคนงานเข้ามาทยอยรื้อทุบทำลายศาลาธรรม และเสนาสนะ หรือกุฏิของพระสงฆ์ในพื้นที่ดังกล่าวไปแล้ว 11 หลัง พร้อมสั่งให้พระที่จำพรรษาอยู่ในกุฏิแต่ละหลัง ออกไปจากกุฎิช่วงกลางของการจำพรรษา ทำให้พระที่อยู่ในวัดได้รับความเดือดร้อน ต้องไปอาศัยกุฏิพระรูปอื่นที่อยู่ในบริเวณวัด

 

 

นายศรีสุวรรณ บอกอีกว่า นอกจากนี้เจ้าอาวาส ยังสั่งรื้อต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งมีป้ายแสดงรายละเอียดว่า เป็นต้นกล้าจากพุทธคยาเจดีย์ สาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระราชทานให้วัดมาชลประทาน มาปลูก อาจเข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และกระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย เมื่อเจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ ซึ่งเป็นถึงพระราชาคณะชั้นราช ใช้อำนาจกระทำการอันส่อไปในทางมิชอบด้วยกฎหมาย ทางสมาคมฯ จึงต้องนำความมาร้องเรียนกับ ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ และดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ถนนติวานนท์ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบ พระลูกวัดชลประทานรังสฤษดิ์ รูปหนึ่ง ซึ่งบวชมานานกว่า 30 ปี (เบลอหน้) ให้ข้อมูลตรองกับ นายศรีสุวรรณ ว่า การกระทำของเจ้าอาวาส ทำให้พระลูกวัดได้รับความเดือดร้อน เพราะมีการรื้อถอนกุฏิอย่างกะทันหันช่วงกลางพรรษา ตอนนี้ทราบเพียงว่า มีการรื้อถอนกุฏิพระสงฆ์ไปแล้ว 11 หลัง และจะทำการรื้อถอนกุฏิของพระสงฆ์เพิ่มเติมอีก 60 หลังต่อเนื่องกัน ซึ่งกุฏิของอาตมาก็ต้องถูกทุบเหมือนกัน จึงอยากให้ผู้ใหญ่ หรือเจ้าอาวาสของวัด ไตร่ตรองและพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนจะทำอะไรลงไป

จากนั้น พระลูกวัดที่ถูกทุบกุฏิ พาผู้สื่อข่าวไปชี้จุดที่มีการรื้อถอน พบกุฏิถูกรื้อถอนจนโล่งเตียนไปแล้ว 10 หลัง โดยเฉพาะศาลาจิตพิพิธ ซึ่งสร้างจากจิตศรัทธาของ หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาส ถูกทุบทิ้งเป็นหลังที่ 11 สร้างความสลดหดหู่ใจให้กับญาติโยมเก่าแก่ซึ่งมาทำบุญที่วัดชลประทาน ตั้งแต่สมัย หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ ยังมีชีวิตอยู่ เป็นอย่างมาก